เหล็กเอชบีม ( H-Beam Steel)
เหล็กเอชบีม (H – BEAM) เป็นเหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อน อีกแบบหนึ่ง เหมาะสำหรับงานโครงสร้างเราจะพบเห็นเหล็กเอชบีมใช้เป็นโครงสร้างเช่นงานสร้างบ้าน, สะพาน, ร้านอาหาร,ร้านกาแฟ ,คาเฟ ,สโมสร,โกดัง ,โรงงานเป็นต้น
จำหน่ายเหล็กเอชบีม (H-beam) ทุกไซส์ ทุกขนาด มาตรฐาน มอก. ราคาถูก สอบถามได้เลย
เหล็กเอชบีมเป็นเหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อน Hot Rolled Structural Steel Sections มีหน้าตัดเป็นรูปลักษณะต่างๆ ใช้ในงานโครงสร้างการรีดร้อนคือการรีด และแปรรูป ที่อุณหภูมิสูงกว่าอุณหภูมิวิกฤต Critical temperature เหล็กเอชบีม สามารถต้านทานการตัดโค้ง (Bending)และการบิด (Twisting) ได้ดี จึงใช้เป็น เสา (Columns), คาน (Beams) และตงพื้น (Bridge girders) ในงานก่อสร้างและงานสถาปนิก ใชเแทนคานคอนกรีต หรือเสาคอนกรีต
เหล็กเอชบีม,เหล็ก H-Beam,เหล็กเฮชบีม
ลักษณะสำคัญของเหล็กเอชบีม
ลักษณะของเหล็ก จะคล้ายรูปตัว H มีขนาด ด้านกว้างและด้านยาวเท่ากัน เช่น 100×100
( ลักษณะที่เด่นชัดคือปีกที่กว้างที่เท่ากัน )
เกรดเหล็กเอชบีม SS400 , SM520 ความยาวปกติ 6 M. / 9 M. / 12 M.
ขนาดความยาวของเหล็กเอชบีม
โดยปกติเหล็กเอชบีม มีความยาวมาตรฐานดังนี้
- 6 เมตร.
- 9 เมตร.
- 12 เมตร.
ขนาดเหล็กเอชบีม ที่นิยมนำไปใช้งาน
- เหล็กเอชบีม ขนาด 100 x 100 x 6 x 8 มม. X 6 ม. น้ำหนัก 103.20 กก./เส้น
- เหล็กเอชบีม ขนาด 125 x 125 x 6.5 x 9 มม. X 6 ม. น้ำหนัก 142.80 กก./เส้น
- เหล็กเอชบีม ขนาด 150 x 150 x 7 x 10 มม. X 6 ม. น้ำหนัก 189.00 กก./เส้น
- เหล็กเอชบีม ขนาด 175 x 175 x 7.5 x 11 มม. X 6 ม. น้ำหนัก 241.20 กก./เส้น
- เหล็กเอชบีม ขนาด 200 x 200 x 8 x 12 มม. X 6 ม. น้ำหนัก 299.40 กก./เส้น
- เหล็กเอชบีม ขนาด 250 x 250 x 9 x 14 มม. X 6 ม. น้ำหนัก 434.40 กก./เส้น
- เหล็กเอชบีม ขนาด 300 x 300 x 10 x 15 มม. X 6 ม. น้ำหนัก 564.00 กก./เส้น
- เหล็กเอชบีม ขนาด 350 x 350 x 12 x 19 มม. X 6 ม. น้ำหนัก 822.00 กก./เส้น
ขนาดและน้ำหนักของเหล็กเอชบีม
ขนาด (มม.) | น้ำหนัก (กิโลกรัม) | |||||
---|---|---|---|---|---|---|
HxB | t1 | t2 | 1 m | 6 m | 9 m | 12 m |
100x100 | 6 | 8 | 17.2 | 103 | 155 | 203 |
125x125 | 6.5 | 9 | 23.8 | 143 | 214 | 286 |
150x150 | 7 | 10 | 31.5 | 189 | 284 | 378 |
175x175 | 7.5 | 11 | 40.2 | 241 | 362 | 482 |
200x200 | 8 | 12 | 49.9 | 299 | 449 | 598 |
250x250 | 9 | 14 | 72.4 | 434 | 652 | 868 |
300x300 | 10 | 15 | 94.0 | 564 | 846 | 1128 |
350x350 | 12 | 19 | 137 | 822 | 1233 | 1644 |
400x400 | 13 | 21 | 172 | 1032 | 1548 | 2064 |
การผลิตเหล็กเอชบีม
เหล็กเอชบีม (H-BEAM) คือ เหล็กรูปพรรณรีดร้อน (Hot-Rolled Structural Steel) ที่เกิดจากการหลอมและหล่อเป็นเหล็กแท่ง แล้วรีดในขณะที่เหล็กยังร้อนให้มีหน้าตัดเป็นรูปตัวอักษรภาษาอังกฤษ “H” ตามการเรียกชื่อ รูปแบบของหน้าตัดจะมีปีก (Flange) กว้างออกมาจากเอว (Web) ตรงกลาง โดยจะมีความหนาของเหล็กในส่วนปีกเท่ากันตลอด ไม่มีการปาดหรือลบมุมที่ปลายปีก
การใช้งานเหล็กเอชบีม
เหล็กเอชบีมเหมาะสำหรับการใช้งานเป็นโครงสร้างคาน เสา และโครงสร้างหลังคา ทั้งในอาคารบ้านพักอาศัย โรงงาน อาคารสูง หรือสนามกีฬา ทั้งนี้เหล็กเอชบีม (H-BEAM) ตามมาตรฐาน ASTM ของประเทศสหรัฐอเมริกาจะเรียกว่าเหล็ก Wide Flange (W-Shape)
การใช้งานเหล็กเอชบีม
ปัจจุบันเหล็กเอชบีม (H-BEAM) รวมทั้งเหล็กรูปพรรณแบบต่างๆ สามารถผลิตได้ภายในประเทศไทยและได้รับความนิยมมากในงานก่อสร้าง เนื่องจากงานก่อสร้างด้วยโครงสร้างเหล็กมีความสะดวกรวดเร็ว ไม่จำเป็นต้องรอให้แห้งหรือเซตตัวต่างจากงานคอนกรีต สามารถดัดโค้งได้ มีขนาดที่ได้มาตรฐานเนื่องจากผลิตมาจากโรงงาน เป็นการก่อสร้างด้วยระบบแห้งหน้างานจึงไม่สกปรกเลอะเทอะ สามารถนำมาดัดแปลง ต่อเติม และรื้อถอนได้ง่าย และยังสามารถนำกลับมาใช้งานใหม่ได้อีกครั้งอีกด้วย
ความแตกต่างระหว่างเหล็ก I Beam กับเหล็ก H Beam
หลายท่านคงมีความสงสัยว่าเหล็ก 2 ตัวนี้ แตกต่างกันอย่างไร ซึ่งเหล็กทั้ง 2 หน้าตัดนี้ มีข้อแตกต่างกันอยู่ 2 ด้าน คือ
1. ด้านการนำไปใช้งาน
เหล็กเอชบีม H-beam จะนำไปใช้ในงานก่อสร้างอาคาร เป็นชิ้นส่วนของ เสา คาน โครงหลังคา ฯลฯ H-BEAM มีขนาดหน้าตัดให้เลือกที่หลากหลาย ตั้งแต่ H100x50mm. จนถึงขนาดใหญ่สุด H900x300mm. ทำให้ H-BEAM นั้นถูกเลือกใช้ในงานที่หลากหลาย ทั้งโครงสร้างอาคาร โครงหล้งคา โครงสร้างโรงงาน หรืองานโครงการขนาดใหญ่เป็นต้น เช่น โรงจอดเครื่องบิน
เหล็กไอบีม I-beam จะนิยมนำไปทำรางเคน Crane Girder ที่ไว้ใช้ยกของที่มีน้ำหนักมาก แะเหล็กไอบีมนี้ ถูกผลิตขึ้นมากเพื่อใช้ในงานที่เฉพาะเจาะจงมากกว่า เช่น รางเลื่อนของเครนในโรงงานอุตสาหกรรม เพราะความหนาของ Flange ปีกที่ยื่นออกมา ที่มาก และมีลักษระ Taper เรียวที่ปลาย ไม่เหมือนกับ H-beam ที่มีความหนาของ Flange เท่ากันตลอด ส่งผลให้โดยทั่วไป I-beam จะสามารถรับแรงกระแทกได้ดี แต่ก็จะมีน้ำหนักที่มากกว่า เอชบีม H-Beam ในขณะที่หน้าตัดเท่ากัน เช่น
- H 300x150x6.5x9mm. นน. 36.7 กก./ม.
- I 300x150x8x13mm. นน. 48.3 กก./ม. ซึ่งจะเห็นได้ว่า I-Beam มีน้ำหนักมากกว่าถึง 32%
2. ด้านลักษณะรูปร่าง
แตกต่างของเหล็กทั้ง 2 หน้าตัด คือ ปีก Flange ทั้งบนและล่างของเหล็ก H-beam จะเป็นแผ่นเรียบหนาเท่ากันตลอด ส่วนของเหล็กไอบีม I-beam ทั้งปีกบนและล่างจะเป็นแผ่นเอียง หรือ Taper Flange ซึ่งขนาดหน้าตัดเหล็กที่เท่ากัน I-beam จะมีน้ำหนักต่อเมตรสูงกว่า H-beam เนื่องจากเหล็ก I-beam จะมีความหนาของเหล็กมากกว่าเพื่อรองรับแรงกระแทก และการเคลื่อนที่จากรางเครน
อะไรคือข้อแตกต่างระหว่าง SM400 SS400
SM400 เป็นสินค้าที่ผลิตมาโดยผ่านการควบคุมคาร์บอน และจะสามารถรับน้ำหนักได้มากว่า SS400 สินค้า SS400 เป็นสินค้าสำหรับงานเจาะรู
เทคนิคการใช้เหล็ก H-beam ทำโครงสร้างอาคาร
สำหรับเทคนิคในการใช้เหล็ก H-beam ทำโครงสร้างอาคาร ควรเลือกตามนี้
ในการออกแบบสถาปัตยกรรมและงานโครงสร้างอาคาร มักเกี่ยวข้องกับเรื่องของการใช้งาน (ฟังก์ชัน) และความสวยงามเสมอ และเหล็ก H-BAEM เป็นวัสดุเดียวที่ตอบโจทย์เรื่องข้างต้นได้อย่างตรงประเด็น เพราะเป็นวัสดุโครงสร้างที่ไม่ต้องการวัสดุอื่นมากรุทับ หรือสามารถโชว์ให้เห็นการใช้งานและพื้นผิวที่แท้จริงได้ อีกทั้งในตำแหน่งของเสาที่ยื่นลอยออกมาจากแนวผนัง (เสาลอย) อาจจะเพื่อรับหลังคาหรือรับพื้นชั้นบน การใช้เสา H-BEAM ก็เป็นรูปแบบหนึ่งที่ทำให้อาคารดูทันสมัย สวยงามและไม่หนาหนักนั่นเอง
ส่วนหลักการนั้นอาจไม่มีอะไรมากมาย เพียงออกแบบเสา H-BEAM ตามหลักการออกแบบวิศวกรรม แต่เลือกที่จะหันด้านขาของตัว H-BEAM ออก ให้เห็นเส้นความหนาของตัวเสา ก็จะช่วยเพิ่มมิติให้กับตัวอาคารได้เป็นอย่างดีนั่นเอง
และนอกจากเรื่องของความสวยงาม เรายังสามารถซ่อนงานระบบเช่นงานสายไฟ งานปลั๊กไฟ ไว้ที่เสา H-BEAM ได้ด้วย เรียกว่าเป็นความงามที่มาพร้อมประโยชน์ใช้สอยจริงๆ
เทคนิค : เทคนิคในการเลือกใช้เหล็ก H-Beam ควรเลือกดังนี้
- เหล็ก H-Beam มีมาตรฐาน มอก. คือควรมีใบรับรองคุณภาพสำหรับเหล็กทุกท่อน
- มีบริการหลังการขายเพื่อความมั่นใจในการนำเหล็ก H-Beam ไปใช้งาน
ขนาดของเหล็กเอชบีม
ขนาด (มม.) | น้ำหนัก (กิโลกรัม) | |||||
---|---|---|---|---|---|---|
HxB | t1 | t2 | 1 m | 6 m | 9 m | 12 m |
100x100 | 6 | 8 | 17.2 | 103 | 155 | 203 |
125x125 | 6.5 | 9 | 23.8 | 143 | 214 | 286 |
150x150 | 7 | 10 | 31.5 | 189 | 284 | 378 |
175x175 | 7.5 | 11 | 40.2 | 241 | 362 | 482 |
200x200 | 8 | 12 | 49.9 | 299 | 449 | 598 |
250x250 | 9 | 14 | 72.4 | 434 | 652 | 868 |
300x300 | 10 | 15 | 94.0 | 564 | 846 | 1128 |
350x350 | 12 | 19 | 137 | 822 | 1233 | 1644 |
400x400 | 13 | 21 | 172 | 1032 | 1548 | 2064 |
ราคาเหล็กเอชบีม (H-beam)
ประเภท | ขนาด | น้ำหนักต่อเส้น (กก.) *ประมาณ | ราคา *สอบถามทางไลน์ |
---|---|---|---|
เฮชบีม H-Beam | 100x100x6x8mm ยาว 6ม. | 103.20 | |
เฮชบีม H-Beam | 100x100x6x8mm ยาว 6ม. | 206.40 | |
เฮชบีม H-Beam | 125x125x6.5x9mm ยาว 6ม. | 142.80 | |
เฮชบีม H-Beam | 125x125x6.5x9มม. ยาว 12ม. | 285.60 | |
เฮชบีม H-Beam | 150x150x7x10มม. ยาว 6ม. | 189.00 | |
เฮชบีม H-Beam | 150x150x7x10มม. ยาว 9ม. | 283.50 | |
เฮชบีม H-Beam | 150x150x7x10มม. ยาว 12ม. | 378.00 | |
เฮชบีม H-Beam | 175x175x7.5x11มม. ยาว 6ม. | 241.20 | |
เฮชบีม H-Beam | 175x175x7.5x11มม. ยาว 12ม. | 482.40 | |
เฮชบีม H-Beam | 200x200x8x12มม. ยาว 6ม. | 299.40 | |
เฮชบีม H-Beam | 200x200x8x12มม. ยาว 9ม. | 449.10 | |
เฮชบีม H-Beam | 200x200x8x12มม. ยาว 12ม. | 598.80 | |
เฮชบีม H-Beam | 250x250x9x14มม. ยาว 6ม. | 434.40 | |
เฮชบีม H-Beam | 250x250x9x14มม. ยาว 9ม. | 651.60 | |
เฮชบีม H-Beam | 250x250x9x14มม. ยาว 12ม. | 868.80 | |
เฮชบีม H-Beam | 300x300x10x15มม. ยาว 6ม. | 564.00 | |
เฮชบีม H-Beam | 300x300x10x15มม. ยาว 6ม. SM520 | 564.00 | |
เฮชบีม H-Beam | 300x300x10x15มม. ยาว 9ม. | 846.00 | |
เฮชบีม H-Beam | 300x300x10x15มม. ยาว 12ม. | 1,128.00 | |
เฮชบีม H-Beam | 350x350x12x19มม. ยาว 6ม. | 822.00 | |
เฮชบีม H-Beam | 350x350x12x19มม. ยาว 9ม. | 1,233.00 | |
เฮชบีม H-Beam | 350x350x12x19มม. ยาว 12ม. | 1,644.00 | |
เฮชบีม H-Beam | 400x400x13x21มม. ยาว 6ม. | 1,032.00 | |
เฮชบีม H-Beam | 400x400x13x21มม. ยาว 9ม. | 1,548.00 | |